Category ข่าวบันเทิง

แกรนด์ เด่นคุณ

“เด่นคุณ” เม้าท์มัน! “แกรนด์” บรีฟหนักชอบบังคับถ่ายโซเชียล คบกัน 4 ปีรักไม่หวือหวา

ขึ้นแท่นคู่รักดาวติ๊กต่อก ทั้ง เด่นคุณ งามเนตร กับแฟนสาว แกรนด์–กรณ์ภัสสร ที่มีคอนเทนต์ปัง ๆ ทั้งยังตลกฮาน่ารักบ่อย ๆ พบ เด่นคุณ มาร่วมพิธีบวงสรวง ภาพยนตร์เรื่อง “กุมาร” เลยได้อัปเดตความรักยาวนานมา 4 ปี

เริ่มจากขณะนี้เล่นติ๊กต่อกบ่อย?

“โดนบังคับ จริง ๆ ผมไม่ค่อยทันโซเชียล”

แต่ในคลิป ก็ดูราวกับว่าเต็มใจ ตลอดนะ?

“ก็ถ้าไม่เต็มที่ก็ไม่ผ่าน ก็จะแบบให้เอาใหม่เป็น 10-20 เทก ผมจะบอกให้นะ คุณแกรนด์เวลาเค้าลงอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพหรือวิดีโอ จะส่งให้คนทั่วโลกดู ว่ารูปไหนผ่าน และเค้าจะเลือกรูปที่คนอื่นไม่ได้เลือก”

เค้าบรีฟหนักมั้ย เวลาจะทำงานกัน?

“เค้าจะบรีฟหนัก แต่ว่าผมจะไม่ฟัง ผมจะเล่นแบบของเรา เราไม่ได้อยากเล่นเยอะ เดี๋ยวมันดีไป เดี๋ยวเค้าชอบ คลิปที่เห็นคือหลายเทกนะ เค้าจะเอาตรงนี้ เธอต้องอย่างนั้นอย่างนี้”

เด่นคุณ แกรนด์

แกรนด์เซอร์ไพรส์ เด่นคุณ มั้ย เวลาเราเล่นสด ๆ ?

“มันไม่ได้เซอร์ไพรส์ แค่เวลาเราถ่ายติ๊กต่อกนะ มันเซอร์ไพรส์ทุกเรื่อง อย่างที่ได้เห็นหน้าเซอร์ไพรส์เยอะมาก อย่างสมมติเวลาไปกินข้าว เค้าจะบอกเลยว่าสั่งข้าวเลยนะ พี่ไม่กินข้าว พี่จะกินแค่กับอย่างเดียว เธอสั่งข้าวเลย แล้วผมก็สั่งแต่ของผม แต่สุดท้ายเค้าก็มากินของเรา”

เป็นโมเมนต์สวีตได้มั้ย เถียง ๆ กัน แย่งกัน ตีกัน?

“คือมันเป็นความรู้สึกอิ่มใจ ตลกขบขันในใจ หัวเราะในใจ ยิ้มในใจ ว่าเจอแกก็บันเทิงได้ทุกวัน”

หลายท่านอิจฉาแกรนด์ เวลาเด่นคุณ ถอดเสื้อ ซิกซ์แพ็กแบบแน่น ๆ ?

“ก็ชอบออกกำลังกาย อย่างที่รู้ ๆ ครับ ก็ออกกำลังกายค่อนข้างมาก ถ้าหากมีโอกาส ก็ต้องการเข้าไปสู่วัยรุ่นโซเชียลเหมือนกัน”

แกรนด์สอนมั้ย?

“เค้าพยายามบอกอยู่ ว่าพยายามเล่นโซเชียลเยอะ ๆ จะได้มีงานมีเงิน”

เวลาถอดไม่เขินเหรอ?

“ไม่เขิน ผมมองเป็นเรื่องออกกำลังกาย สิ่งที่เหนื่อยมามาก ๆ ก็อยากจะอวดบ้าง ผมอยากทำคลิปสอนพาออกกำลังกาย เพราะหลายโมเมนต์ เราอยากให้โลกรู้ ถึงวิธีการออกกำลังกายของเรา”

แกรนด์ไม่หวงเหรอ?

“ไม่เลยครับ”

เค้าชอบให้โชว์?

“ไม่เหมือนกัน เค้าบอกว่ามันดูเสี่ยว มันดูถอดเสื้อลงไอจี มันดูนู่นนี่นั่น”

หรือแกรนด์หึงหวง?

“ไม่ ๆ แกรนด์เป็นคนไม่หึงหวง ตั้งแต่คบแรก ๆ อยู่แล้ว จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ก็ไม่หึงหวง แต่ว่าผมช่วงแรกๆผมหึงหวง แต่ว่าพอหลัง ๆ เค้าทำให้ผมเห็น ผมก็เลยเป็นเหมือนเค้า”

เค้าให้คืนกำไรให้แฟนๆรึเปล่า ด้วยการถอดโชว์?

“ไม่ เค้าเฉย ๆ เรื่องอย่างนี้”

จริง ๆ เรากับแกรนด์มีมุมกุ๊กกิ๊ก มุมสวีตบ้างมั้ย?

“เค้าอะมี คือตอนนี้ มุมสวีตของเรามันเหมือนการเล่นสนุกกัน มันอาจจะไม่ได้ทำให้คนดูแล้วยิ้ม แต่ว่าในใจเราแบบเต็ม เวลาเค้าโก๊ะ ๆ มา พูดจาตลกกัน กัดกัน”

เด่นคุณ

ดีมั้ยความรักครั้งนี้?

“ดีครับ ปกติดีทุกอย่าง อาจจะยังไม่ได้มีอะไรหวือหวามากมาย เพราะสิ่งที่ต่างคนต่างชอบมากที่สุด ก็คือการทำงาน ช่วงนี้เค้าก็จะไปทำงาน ด้านโซเชียลซะเยอะ เค้าก็แฮปปี้ของเค้า คือผมไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าผมจะได้เห็นคนที่ทำงานกับโซเชียลได้แทบตลอดเวลาแบบแกรนด์ แต่เราจะเป็นคนแฮปปี้ กับการที่ได้อยู่กองถ่าย ถ่ายละคร ทำงานเพื่อที่จะฝึกฝนพัฒนาตัวเอง เราก็จะแฮปปี้ตรงนี้”

ความบ้างานของเราทั้งสอง ไม่ใช่ปัญหาของความรัก ใช่มั้ย?

“ไม่ใช่ครับ เพราะว่าวิธีคิดของแกรนด์ ก็จะค่อนข้างจะดี คบกันมาตอนนี้ก็ 4-5 ปีครับ”

เค้าน่ารักยังไงบ้าง?

“ก็อย่างที่บอกแหละครับ เป็นคนโก๊ะ เป็นคนตลก”

เวลาเราว่าเค้า เค้างอนมั้ย?

“อุ๊ย งอน คือเค้าจะเซนซิทีฟ เวลาเราพูดจาคำที่อาจจะแรงนิดหนึ่ง เค้าจะงอน แต่ในใจเราไม่ได้คิดร้าย คือพูดแรงแต่เราเอ็นดู ไม่ได้เป็นการด่า คือคนอีสานเวลาถึงพริกถึงขิงอะ มันก็จะมีแบบ โอ๊ย บักห่ามึงเอ๊ย เค้าก็จะไม่ค่อยชอบ”

แล้วเราง้อยังไง?
“ง้อไม่เก่งเลย วิธีของผมก็คือ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น (หัวเราะ) แต่เรื่องงานมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ จริง ๆ เราจะคุยกันตรง ๆ นั่งมองหน้า จ้องหน้า เผชิญหน้ากันแบบตาต่อตา ฟันต่อฟันเลย มันก็จะจบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไปนั่งกินข้าวกัน โอ๊ย อันนี้อร่อยเนอะ จบตรงนั้น เรื่องใหญ่แค่ไหนก็จบหลังไปกินข้าว”.

โม อมีนา

"โม-อมีนา" เผย "อ๋อม-อรรคพันธ์" ป่วยเป็นโรคมะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจ ยังคิดถึง "แตงโม"

อัปเดตข่าวคราวในฐานะเพื่อนคนสนิทสนมที่ร่วมงานกัน สาว โม อมีนา พินิจ แจ้งข่าวว่าพระเอก อ๋อม–อรรคพันธ์ มีอาการป่วยเป็นโรคร้าย ฝากทุกคนส่งพลังใจให้ โดย โม เปิดเผยในงานแถลงข่าวเปิดตัว “AFbrother” แพลตฟอร์มอินฟลูเอนเซอร์แอดเวอร์ไทซิ่ง ณ ชั้น 6 SHOW DC Hall ศูนย์การค้า Show DC

อาการอ๋อม–อรรคพันธ์ เป็นยังไงบ้าง?

“ไม่ได้เจอพี่อ๋อมเลย แต่ว่าจะไปเยี่ยมแกอยู่ มีการนัดแนะกันแล้วว่าจะไปเยี่ยม เราก็ให้เกียรติคนป่วย ถ้าเค้าอยากไพรเวต เราก็จะให้เค้าไพรเวต เราเข้าใจสภาพจิตใจพี่อ๋อมดี ที่บอกได้คือพี่อ๋อมสู้มาก วันนี้พี่อ๋อมผ่าตัด ตอนช่วง 11 โมง ก็ให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้พี่อ๋อมด้วย ก้อนเนื้อขึ้นตรงหัวใจพอดี เป็นการผ่าตัดเพื่อแหวกช่วงอกออก ก้อนเนื้อประมาณ 10 ซม. ขึ้นบนชั้นกล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้พี่อ๋อมอึดอัดหายใจไม่ออก ส่วนที่ปอดที่ลามไป 2 จุดเล็ก ๆ หมอจะไปเช็กชิ้นเนื้ออีกครั้งว่าเป็นอะไร”

ข่าวใบ้ว่าเป็นโรคมะเร็งปอด?

“ไม่ค่ะ ตรงหัวใจค่ะ ซึ่งโมยังไม่แน่ใจว่าหมอเรียกว่าอะไร เป็นโรคมะเร็งอะไรซักอย่างที่หัวใจ พี่อ๋อมสู้มากจริง ๆ แกให้คีโมมาระยะนึงแล้ว เราก็บอกเค้าเลยนะว่ารับโทรศัพท์ให้บ่อยแล้วกัน เพราะว่าจะโทร.ไปหาบ่อยหน่อยนะ เค้าก็รับทราบ เค้าก็ยังคุยปกติ เดี๋ยวอีกไม่กี่วันจะไปหาพี่อ๋อม ก่อนหน้าที่ผ่านมาเราก็พูดคุยโทรศัพท์กันอย่างเดียว ไม่ได้พบ เมื่อวานนี้ก็คุยกับเค้า บอกว่าเดี๋ยวจะไปเยี่ยมนะ เค้าก็บอกมาสิ เค้าคงเหงาแหละ แล้วก็เค้าอยากได้แรงใจจากแฟนๆละครเอฟซีพี่เค้าทุกคน”

โม อ๋อม

อ๋อมมีบ่นอยากกลับมาทำงานมั้ย?

“เค้าก็มีบอก เฮ้ย มึงเปิดโปรดักชันแล้วอย่าลืมกูนะโว้ย โมก็บอกเค้าว่าหายแล้วออกมาให้ได้ก่อนมั้ย ที่เหลือเดี๋ยวจะจัดการให้เอง”

เค้าตรวจเจอก้อนเนื้อเมื่อไร?

“ตั้งแต่ตุลาคมปีที่ผ่านมาที่พึ่งจะเริ่ม เจอก็ระยะ 2-3 แล้ว พลังใจเค้าดีค่ะ ไม่ต้องห่วงเลย ไม่ทราบแหละ ฉันจะทำให้นางหายให้ได้”

แฟนๆรู้ข่าวก็ช็อกเช่นกัน?

“มันก็ช็อกแหละ เราคิดว่าเราเป็นห่วงเค้ามากกว่า เค้ายังอายุน้อยตอนนี้ให้กำลังใจอย่างเดียวเลยค่ะตอนนี้ เมื่อวานนี้ก็บอกเค้า ให้กำลังใจเค้าว่ายังไงก็ต้องตื่นมาให้ได้นะ พอเกี่ยวกับหัวใจเราก็รู้สึกเป็นกังวล”

ช่วงเวลาสำหรับในการรักษา นานเพียงใด?

“ตามโดสของคีโมที่หมอกำหนดไว้เลย ว่าหลังจากผ่าออกมาแล้วต้องคีโมอีกกี่ครั้ง เค้าให้คีโมก่อนผ่ามา 5-6 ครั้งแล้ว ก็นัดผ่า ให้กำลังใจพี่อ๋อมด้วยนะคะทุกคน ให้พี่สู้ๆ”

โม อมีนา แตงโม

ถาม โม อมีนา จะครบรอบ 1 ปีการจากไปของ แตงโม?

“จริง ๆ ตลอดเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา โมไปหาที่เก็บกระดูกพี่ที่โบสถ์ทุกเดือน บางเดือนไม่ได้ไปหาก็จะเอารูปที่ถ่ายด้วยกันมาตลอด 10 ปี ทยอยลงให้เค้า”

ความรู้สึกเลือนลางจางหายไปมั้ย?

“ไม่ค่ะ บางทีก็เวียนกัน ฮิปโปไปนั่งคุยคนเดียว โมไปนั่งคุยคนเดียว ถือว่าไปหาไปทำความสะอาดให้ ไหว้คุณพ่อด้วย ปีนึงเราก็คงทำบุญ โมอาจจะเป็นเจ้าภาพทำบุญที่โบสถ์สัก 1 ครั้ง ให้พี่ แล้วก็ช่วยเหลือสัตว์เพราะพี่ชอบ แล้วก็จะลงวิดีโอที่โมทำให้พี่ปีละครั้ง ตัวนั้นเราทำให้เค้าจริงๆ แล้วเดี๋ยวจะรวบรวมฟุตเทจ เราอยากเก็บภาพที่พี่เป็นนางเอก ความเป็นแตงโม รวบรวมไว้ทุกอย่างคือภาพที่สวยหมด จะไม่มีเรื่องส่วนตัว มีแต่ผลงานของพี่เท่านั้น เป็นตัวใหม่ที่วางแผนทำอยู่”

เคยฝันถึงบ้างมั้ย?

“เคยฝันอยู่ประมาณ 4 รอบ มาสวยหมดเลยค่ะ มาแล้วก็ยิ้มในแบบที่เค้าเคยยิ้มให้เรา บางทีก็มาบ่น เค้าชอบว่าเรา คือเราวางตัวเป็นน้องเวลามีอะไรเค้าก็จะเป็นซุปเปอร์เกิร์ลสำหรับเรา มันจะมีอยู่ครั้งนึงที่ฝันแล้วเห็นเค้ามายืนอยู่ แล้วเราก็ขอกอดหน่อย เค้าก็ทำหน้าใส่เรา (หัวเราะ) เป็นหน้าที่เค้าทำใส่เราเป็นประจำ แล้วก็กอด เพราะว่าคิดไว้แล้วว่าต่อให้ฝันถึงเค้าต้องมีสติอยู่ตลอดเวลาแล้วขอกอดไปเลย เชื่อว่าเค้าอยู่ในภพภูมิที่ดีแล้วนะคะ”

เบิร์ด แฟนแตงโม ภาวะจิตใจดีขึ้นรึยัง?

“พึ่งจะเจอะกันพึ่งจะไปนั่งชิล ๆ กันมา เค้าก็โอเคขึ้นตามลำดับ มันมิได้โอเค 100% หรอก แต่มันก็จำเป็นต้องเดินไปข้างหน้า อยู่กับปัจจุบัน และก็ทำทุกๆวันให้เวิร์กที่สุด”

แม้ว่าจะผ่านไปเกือบจะปีแล้ว แต่ทุกคนก็ยังไม่เต็มร้อย?

“กี่ปีโมว่าก็ยังไม่มีใครเต็มร้อย สำหรับคนในกลุ่มโมที่นั่งคุยกันตลอดระยะเวลา หนึ่งมันไม่มีใครคาดฝัน สองมันเหมือนเราเล่นละครแล้วตัวละครนึงมันหายไป มันใจหายค่ะ”

กับแม่ภนิดา ยังได้ติดต่อ ได้คุยมั้ย?

“คุณแม่ส่วนใหญ่เป็นแอนนา กับพุดเดิ้ล ก็จะคอยนัดเจอ ถามสารทุกข์สุขดิบ คุยเรื่องเสื้อผ้าของพี่ค่ะ เพราะว่ามีเยอะก็ไลฟ์ขายกัน เอาเงินไปให้แม่ส่วนนึง แล้วก็ไปช่วยเหลือสัตว์ที่พี่ทำมาตลอดค่ะ”

เรื่อง พิ้งกี้–สาวิกา เตรียมออกมารับงานแล้ว?

“ดีนะคะ ทุกคนควรจะให้โอกาสเค้าหน่อย พี่กี้เป็นคนดี นิสัยดี เป็นคนรักเพื่อน เป็นคนที่ทำงานได้ทุกอย่างจริง ๆ ให้โอกาสพี่กี้กลับมาทำงานในวงการบันเทิงด้วยนะคะ”

ตั้งแต่ออกมาได้เจอได้คุยกันบ้างมั้ย?

“ยังค่ะ เพราะว่าเราก็ให้เกียรติเค้า โมก็เข้าใจว่าเค้าก็คงปลีกวิเวกไปอยู่ของเค้า เราก็ไม่ได้ไปถามไถ่หรืออะไร แต่ถ้าว่าเป็นห่วงมั้ยเราเป็นห่วงตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แค่เราไม่ได้เข้าไปยุ่งเท่านั้นเอง ส่วนใหญ่คุยกับแม่เต้ ผู้จัดการส่วนตัวพิ้งกี้ค่ะ ว่ามีปัญหาอะไรให้บอกฉัน เราจะคุยกับทางนี้ เพราะเราไม่รู้ว่าพี่กี้พร้อมคุยกับใครเมื่อไหร่ แต่ถามว่าเป็นห่วงมั้ยเราเป็นห่วง แล้วก็ยินดีมากกับการที่พี่กี้จะกลับมาทำงานในวงการ โอเคเลย”

เท่าที่คุยกับพี่เต้ พิ้งกี้เป็นอย่างไรกันบ้าง?

“เข้มแข็ง นี่ก็หญิงแกร่งอยู่ เค้าเป็นผู้หญิงคิดบวก เป็นผู้หญิงที่ยอมรับความจริงในชีวิตตนเองได้ดี ซึ่งข้อนี้ไม่ได้เป็นห่วงสักเท่าไหร่เพราะเหตุว่าทราบว่าเค้าแข็งแรงดี”.

แอนนี่ บรู๊ค

สุดทน "แอนนี่ บรู๊ค" ไม่ยอมถูกเอาเงินฟาดหัว เอาผิดเพจ-ชาวเน็ต พูดถึงลูกชาย

“แอนนี่ บรู๊ค” พร้อม ทนายเจมส์ เดินทางขึ้นศาลอาญา รัชดา เอาผิดเพจขึ้นรูปลูกชาย กล่าวอ้างเสียหาย เรียก 5 แสน หมิ่นประมาท ด้วยการโฆษณา อีกทั้งจ่อฟ้อง พรบ.คุ้มครองเด็ก รับมีคุณแม่ชาวเน็ตขอเจรจา เอาเงินฟาดหัวแล้วจบ

ล่าสุด แอนนี่ พร้อม ทนายเจมส์ เดินทางไปขึ้นศาลอาญา รัชดา สืบเนื่องจาก มีเพจขึ้นรูปน้อง และก็กล่าวกล่าวถึงลูกชาย ในแง่ไม่ดี ซึ่งลูกชายยังเป็นเยาวชน ทำให้เกิดความเสียหาย ทั้งชื่อเสียง แล้วก็จิตใจ สำหรับการใช้ชีวิตของลูก พร้อมเอาผิดคนคอมเมนต์เสียหาย

แอนนี่ : 12 ปีแล้ว ที่ผ่านมาลูกโตเป็นหนุ่ม ไม่เคยวุ่นวายอยู่เงียบ ๆ มาตลอด ใครว่าอะไรไม่สนใจ ขอโฟกัสที่การเลี้ยงลูก คุณเอารูปเด็กมาขึ้น คำในรูปบางคำค่อนข้างรุนแรง เป็นอะไรที่คนเป็นแม่รับไม่ได้ ครั้งแรกที่เห็นหัวใจเต้นแรง ขึ้นรูปแอน แอนไม่ว่า แอนอยู่เงียบๆมาตลอด แต่คุณขึ้นรูปลูกกับข่อความ ไม่น่ารักเลย

ตอนที่ดูเพจ น้องดูอยู่ด้วย น้องยังถาม ทำไมขึ้นรูปแม่ และพูดถึงผมแบบนี้ แล้วเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนเห็นจะว่าอะไรไหม เลยบอกว่าไม่เป็นไร แม่จัดการเอง เรื่องที่ผ่านมาอย่าโฟกัสเลย คิดว่าใช้เวลาพิสูจน์ตัวเอง ว่าที่ผ่านมาเราก็ทำหน้าที่แม่ อดีตคุณจะขุดมาเพื่ออะไร ไม่ได้มีประโยชน์กับสังคมแล้ว ทุกเรื่องที่เคยเป็นข่าว แอนอธิบายให้ลูกฟังหมดแล้ว ที่โรงเรียนก็มีเด็กไม่น่ารัก เปิดยูทูปไล่ตาม นายดูสิ ๆ น้องเลยหันไปบอกว่า รู้อยู่แล้ว แม่เปิดให้ดูหมดแล้ว อันนี้ลูกเล่าให้ฟัง ก็เพิ่งมาเจอพักหลัง คิดว่าที่สุดแล้ว

เรื่องเงิน แอนไม่ได้ฟ้องเอาสะใจ เราฟ้องให้เป็นบทเรียน เพราะจริง ๆ น้องยังเป็นเยาวชน มีพรบ. คุ้มครองเด็ก เพราะอยากให้ใส่ใจตรงนี้ให้มาก ๆ เพราะการบูลลี่ ทำให้ฆ่าตัวตาย เป็นซึมเศร้าเยอะ ตอนนี้ลูกยังไม่เป็น แต่ไม่อยากให้ถึงจุดนั้น ก็จะฟ้องพวกเพจ คนคอมเมนต์ด้วย คอมเมนต์แต่ละอันไม่น่าเชื่อว่าเป็นคุณแม่ ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอน ให้พี่เจมส์เป็นโจกท์ร่วมฟ้อง ซึ่งมีคนมาขอโทษ ขอจ่ายเงินได้ไหมทางอินบ็อก ซึ่งเราบอกไม่เอา เพราะลูกกับสามีของเขาจะได้รู้ ไม่ใช่เงินมาฟาดหัวแล้วจบ ซึ่งแอนนี่จะไม่ยอมไกล่เกลี่ย

แอนนี่ บรู๊ค  ทนายเจมส์

ทนายเจมส์ : เรื่องของคดี มีเพจ เอาการจัดอันดับ ดาราขี้โกหก แล้วชื่อแอนนี่อยู่ในนั้น ซึ่งไม่ได้ติดใจอะไร

ที่เอาไปวิพากษ์วิจารณ์ แต่มีลูกของเขาไปเกี่ยวข้อง เขาเลยมองว่าการทำแบบนี้มันถูกต้องไหม เลยฟ้องเป็นคดีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา (เขียนว่าอะไร?) เนื้อหามันเยอะครับ เหมือนว่าพิสูจน์ข้อเท็จจริงแล้ว พิสูจน์ไม่ใช่ลูกของใคร ซึ่งในเนื้อข่าวไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เรียกค่าเสียหายคดีแพ่งด้วย ตามความเหมาะสมที่ 5 แสนบาท ในขบวนการ ไต่สวนมูลฟ้อง ศาลอาจไกล่เกลี่ย หรือไต่สวนมูลฟ้องเลยก็ได้ การไกล่เกลี่ย ต้องยินยอมทั้ง 2 ฝ่าย เพราะถ้าเกิดฝ่ายใดไม่ยอมก็ไกล่เกลี่ยไม่ได้ คดีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา โทษไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสน และมีค่าเสียหายทางแพ่ง 5 แสน ต้องให้ศาลตัดสินอีกครั้ง ส่วน พรบ. คุ้งครองเด็กต้องแยกฟ้องต่างหาก เป็นอีก 1 คดี เพราะเปิดเผยรูปเด็กทำให้ได้รับความเสียหาย

จากกรณีที่ แอนนี่ บรู๊ค ไม่ทน ขอลุกขึ้นสู้ เพื่อปกป้องลูก เดินหน้าฟ้องหมิ่นประมาท เกรียน คีย์บอร์ด-เพจ กล่าวถึง น้องฑีฆายุ เสียหายชื่อเสียง และก็จิตใจ

“ในวันจันทร์ที่ 30 มกราคม 2566 เวลา 09:00 น. แอนนี่ บรู๊ค พร้อม ทนายความเจมส์ จะเดินทางไปขึ้นศาลอาญา รัชดา เป็นครั้งแรก สืบเนื่องจากมีเพจ และก็คนคอมเมนต์ที่ขึ้นรูปน้อง รวมทั้งพูดเอ่ยถึงน้อง ในด้านไม่ดี ซึ่งน้องยังเป็นเยาวชน ทำให้เกิดความเสียหาย ทั้งชื่อเสียง แล้วก็จิตใจ

เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ที่ทาง แอนนี่ บรู๊ค และทนายเจมส์ เห็นตรงกันว่าควรให้ความสำคัญ เพราะเป็นเรื่องของลูก และเด็กยังเป็นเยาวชนอยู่

และในฐานะแม่ที่ต้องปกป้องลูก จึงจำเป็นเดินหน้าฟ้อง อัดแน่น 2 ศาล
1. ศาลอาญา
2. ศาลแพ่ง

ในข้อหา
1. หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา
2. พ.ร.บ. คุ้มครองเด็ก

ย้ำชัด ไม่มีการยอมความใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าเพจหรือคอมเมนต์ นับจากนี้ และหากพบเห็นการโพสต์ หรือคอมเมนต์ ไม่ว่าในเพจใดก็ตามอีก ก็จะสู้เพื่อปกป้องลูก กล้าโพสต์ กล้าเมนต์ ต้องกล้ารับ ที่จะมีคดีติดตัวไปตลอดชีวิตเช่นกัน”

ทั้งนี้ แอนนี่ บรู๊ค ได้มีการคอมเมนต์ใต้โพสต์ดังกล่าวต่ออีกว่า “ที่ผ่านมา ใครจะทำอะไรก็ปล่อยไม่สนใจ ใช้ชีวิต และโฟกัสการเลี้ยงดูลูก ให้ดีที่สุด แต่มันก็จะมีคนใจร้าย ซึ่งบางคนก็เป็นแม่ ที่มีครอบครัวอบอุ่นพร้อมหน้าด้วยซ้ำ ที่ไม่เลิก

และเพจที่น่ารังเกียจ ชอบซ้ำเติม แถมไม่พอ ขึ้นหน้าเด็ก ใส่ข้อความร้าย ๆ ต่อเยาวชน ก็คงถึงเวลาแล้วจริง ๆ ในโลกที่ไม่แยกแยะ และอยากเห็นคนอื่นทุกข์ เพราะเสพติดความดราม่าในแบบผิด ๆ”.

แพท ณปภา

"แพท-ณปภา" ยืนยันหนุ่มคนละครึ่งสถานะยังไม่ใช่แฟน ติดเรื่องอายุห่าง 14 ปี

ภายหลังจากเมื่อช่วงเทศกาลฉลองปีใหม่ คุณแม่ยังสาวสุดสตรอง แพท-ณปภา ตันตระกูล เผลอโพสต์ภาพ ในไอจี มีหนุ่มคนหนึ่ง ติดมาครึ่งใบหน้า ทำเอาผู้คนจำนวนมากเข้ามาแซว ว่าเป็นโปร “คนละครึ่ง” แล้วก็ ตั้งเรื่องที่น่าสงสัยว่า หนุ่มคนนี้ แฟนใหม่หรือเปล่า ก่อนจะพากันเปิดวาร์ป ว่าหนุ่มคนนี้ โปรไฟล์ดี๊ดี

เจอ แพท ในงานกาลาเปิดตัวภาพยนตร์ “ทิดน้อย” ที่ชั้น 1 โรงหนังเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน เลยถามถึงเรื่อง คนจำนวนไม่น้อยเปิดวาร์ป โปรไฟล์หนุ่มข้างกาย คนใหม่?

“โปรไฟล์ไม่มีอะไรเลย คือตอนนี้มันไปไกลกันเยอะแล้ว เอาง่าย ๆ เลยเค้าเป็นเด็กธรรมดาคนหนึ่ง แพทก็ไม่รู้ว่าโปรไฟล์พวกนั้นมันมาจากไหน เพราะว่าแพทก็ไม่เคยพูด ว่ามีโปรไฟล์อะไรยังไง เคยพูดแค่ว่าเค้าอ่อนกว่า ถามว่าเรียนจบมั้ยก็พูดไปเลยว่าไม่รู้ รู้แค่ว่าเรียนอังกฤษ 7 ปีแค่นั้นเอง ทีนี้พอคนไปหารูปหาอะไรเยอะ แพทเองก็รู้สึกว่า ใจไม่ได้อยากจะเปิดอยู่แล้วด้วย พอเป็นแบบนี้เค้าก็จะเริ่มรู้สึกอยู่ไม่เป็นสุข แต่เราก็บอกว่าไม่เป็นไร อยู่แบบนี้ไปเหมือนเดิมแหละ ไม่ได้มีปัญหาอะไร เท่าที่คุยกันมาหนึ่งปี เรารู้ง่าย ๆ ว่าเค้าเคยไปเรียนอังกฤษมา 7 ปี แล้วก็จบแค่นั้นเลย เพราะว่าเราไม่มีสถานะ และ เราก็ไม่ได้คุยถึงการที่เราจะพัฒนาไปไกล แพทเลยไม่ได้ลงรายละเอียด ว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน รู้แค่ว่าพอคุยกันไปกันมา เค้าช่วยซัพพอร์ตเราเรื่องงาน กลายเป็นว่า ระยะเวลาในการคุย เค้าเลยยืนระยะได้มาเป็นปีหนึ่ง”

แพท

สรุปว่า คนนี้เป็นแฟนใหม่ ของ แพท ณปภา มั้ย?

“ไม่ใช่ค่ะ แพทไม่ได้ให้สถานะ แพทบอกแล้วว่า ถ้าวันนี้ เค้าอยากจะมาเป็นแฟนเรา ให้เค้าเดินออกจากเราได้เลย ถ้าจะต้องมาเปิดตัว แล้วต้องมาพูดกับคนอื่นว่าเป็นแฟน แพทไม่เอา แพทอยากได้คนคุยที่ซัพพอร์ตเราเรื่องงานได้ แต่ถ้าจะให้แพทมาลงรายละเอียด มาลงภาพคู่ หรือพยายามพูดอะไรอย่างนี้ มันจะไม่มีวันนั้นเกิดขึ้น แพทคุยเรื่องนี้กับเค้าชัดเจนตั้งแต่วันแรกแล้ว จริง ๆ เค้าไม่ได้คาดหวัง คือตอนแรกการคุย เค้าคงคาดหวัง ว่ามันจะพัฒนา แต่ตัวเราเป็นคนบอกเองว่า โอเคไม่ต้องคาดหวัง ถ้าตราบใดที่มีความคาดหวัง คือผิดหวังแน่นอน ฉะนั้นถ้าอยู่ในแบบนี้ได้อยู่ไปเรื่อย ๆ นะ ถึงวันหนึ่งถ้ามันจะใช่เดี๋ยวมันก็ใช่เอง แต่ถ้าการคุยกันแล้วรู้สึกว่า ต้องการสถานะ เดี๋ยวนี้ก็ให้เลิกคุยกับเราได้เลย”

แต่ว่าในไอจีของเค้า ก็ลงภาพคู่?

“เราอนุญาตค่ะรูปเดียว จริง ๆ การลงรูปนั้นมันจะไม่เป็นปัญหาเลย ถ้าเกิดแพทไม่พลาดลงหน้าเค้าเยอะไปหน่อย เพราะว่าไม่มีใครรู้จักไอจีเค้าอยู่แล้ว แพทไม่เคยพูดชื่อเค้า ไม่เคยลงรูปอยู่แล้ว ปัญหาคือวันนั้น ที่เราอนุญาตให้เค้าลง คือเราไม่คิดว่าจะมีคนรู้ไอจีเค้าอะ ส่วนเราจะโทษใครไม่ได้ ต้องโทษตัวเองว่าดูมาตั้งหลายรูป คุณพลาดรูปที่สามได้ยังไง ลงไปแล้วมารู้ตัวตอนเช้า อวยพรอะไรกันคะ โอ้ว เห็นเยอะไปหน่อย”

สรุปช่วงนี้ โสด หรือ ไม่โสด?

“ทำไมต้องมาคาดหวัง ว่าแพทจะโสดหรือไม่โสด เพราะในระหว่างทางแพทมีคนคุยตลอด อันนี้พูดจริง ๆ แล้วทำไมต้องให้แพทมาพูดสถานะตัวเองตลอดเวลา คนที่คุยอาจจะไม่ได้ไปต่อ มันก็มีตั้งเยอะตั้งแยะ คนที่ไปต่อ ก็ไม่รู้ว่าจะยืนระยะได้นานแค่ไหน เพราะฉะนั้น แพทก็เลยบอกว่า โอเคคนนี้จะไปแบบนิ่ง ๆ เนิบ ๆ”

คนนี้ก็คือ ไม่ใช่แฟน ในอนาคตแน่นอน ใช่มั้ย?

“แพทยังไม่ทราบเลย ถ้าเกิดเค้าอยู่ได้ในแบบนี้ ไปกระทั่งเรา 40 หันไปแล้ว ยังเจอเค้าอยู่อะ เค้าอาจจะใช่”

 

การที่ไม่เปิดตัว มันเกี่ยวกับข่าวสารก่อนหน้าที่ผ่านมาด้วยมั้ย?

“หนึ่งเลย คือเกี่ยวกับตัวเรา และ ตัวเค้า เรายังมีความรู้สึกถึงเรื่องอายุอยู่ อันนี้ติดที่เราเอง แพทมองว่า 14 ปียังไงก็ยังห่างไป ในระหว่างที่เค้ายังไม่เคยเจออะไรในโลกหล้านภาลัยเลย แต่เราผ่านมาหมดแล้ว เพราะฉะนั้นคุณไม่เคยใช้ชีวิตล่ะ เรายังมีอันนี้อยู่ในหัวว่า คุณยังใช้ชีวิตได้อีกเยอะเลย ในระหว่างที่เราอายุ 14 อะ คุณเพิ่งอุแว้เองนะ คุณไปใช้ชีวิตก่อนมั้ย แต่ถ้าวันหนึ่งเค้ายังยืนยันว่าไม่ครับ ผมจะซัพพอร์ตคุณไปเรื่อย ๆ เค้าก็อาจเป็นคนที่ใช่ก็ได้”

พอข่าวสารมันไปไกล ว่าคนนี้เป็นแฟนใหม่ของพวกเรา ตัวเค้าเองมีฟีดแบ็กอย่างไรบ้าง?

“อยู่ในจุดเดิมให้ได้มั่นคงที่สุดแค่นั้นพอ ใครจะพูดอะไรยังไงคือให้อยู่ในจุดเดิม และไม่ต้องไปหวั่นไหวกับอะไร แพทขอแค่นี้ แต่ทุกวันนี้ก็คุยอยู่กับคนนี้คนเดียว เพราะว่าคนอื่นยืนระยะไม่ได้ คนอื่นเค้าก็ต้องการเยอะ เราให้ไม่ได้ เราก็ให้เค้าไปป้ายอื่น ใครยืนระยะกับเราได้ เข้าใจเรามากที่สุด เราก็จะคุยกับคนนั้นมากที่สุด”

แล้วมีตั้งระยะไว้กับตนเองมั้ย ว่าถ้าเกิดผ่านกี่ปีไป บางทีอาจจะเลื่อนฐานะมาเป็นแฟนได้?

“อันนี้เป็นคำถามกับตัวเองมาก แพทเชื่อว่าตัวเค้าก็มีคำถาม แต่แพทก็ยังตอบไม่ได้ ว่าเค้าจะต้องกี่ปี นี่ปีหนึ่งยังไม่พออีกเหรอ แพทก็บอกว่ายัง เพราะว่ามันยังมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เรายังมองข้ามไม่ได้ ถ้าวันไหนเรามองข้ามเรื่องตรงนี้ได้ ก็อาจจะเป็นไปได้ค่ะ”.

แพทริเซีย กู๊ด

แพทริเซีย เปิดเผยชีวิตหลังจากแต่ง ไม่เคยคิดสละโสดอายุ 25 ตอบชัดจะมีลูกรึยัง

แพทริเซีย มาเปิดเผยชีวิตหลังแต่งงานแล้ว ไม่เคยคิดว่าจะสละโสด ตอนอายุ 25 ตอบชัดๆ จะมีลูกรึยัง

มาเป็นแขกรับเชิญ ในรายการ “3 แซ่บ” ทางช่อง 3 นางเอกสาว แพทริเซีย กู๊ด เปิดเผยถึงความรัก กับไฮโซหนุ่ม โน้ต วิเศษ รังษีสิงห์พิพัฒน์

พอพิธีกร แอฟ ทักษอร ถามคำถามว่าเคยคิดว่า อยากแต่งงานตอนนี้ คือตอนอายุ 25 มั้ย แพทตอบว่า “จริง ๆ ก็ต้องการแต่งงานเร็วนะคะ คือเป็นคนที่ถ้าหากมีความรัก ก็ต้องการแต่งงานอยู่แล้ว แต่ว่าก็ไม่คิดว่า 25 จริง ๆ ไม่เคยตั้งเป้าหมายว่าอายุ 25 ฉันต้องแต่งแล้วนะ”

ส่วนชีวิตหลังจากแต่งงาน หวานกับโน้ต ซึ่งอายุห่างกันหลายปี แพทพูดว่า “ค่อนข้างเหมือนเดิมเลยค่ะ เราใช้ชีวิตมาด้วยกัน ยิ่งช่วงโควิดคืออยู่ด้วยกันเยอะมาก ๆ มันก็ปรับมาเยอะแล้ว ก็แทบจะเหมือนเดิม ยังไป ๆ มา ๆ กับครอบครัว เพราะไม่อยากหักดิบเลย หนูเองก็คงช็อกนิดนึง เขาก็เข้าใจตรงนี้มากเลยค่ะ เขาก็บอกว่าค่อย ๆ ย้ายเข้ามาทีละนิด เป็นคนติดบ้านมาก ติดทุกคนเลยค่ะ”

แพทริเซีย กู๊ด  เผยชีวิตหลังแต่ง

ถามว่า ดูแลกันยังไงบ้าง แพทตอบว่า

“ก็คอยเป็นห่วงเป็นใยกันเหมือนเดิม ดูแลกันตรงไหนได้ก็พยายาม (หัวเราะ) ด้วยความพี่เขาโตกว่าหนูเยอะ เขาจะดูแลหนูมากกว่าด้วยซ้ำ ถามว่าทำกับข้าวมั้ย จริง ๆ พี่โน้ตทำอาหารเก่งมาก ทุกครั้งที่มาบ้าน จะซื้อเนื้อมาทำโทมาฮอว์ก หนูจะเป็นลูกมือมากกว่า อยากทำแต่ทำแล้วไม่ได้อย่างใจค่ะ เขาทำอะไรเร็ว หนูก็เลยเป็นผู้ช่วย โชคดีมากเลยค่ะ”

ด้านพิธีกร หนุ่ม กรรชัย ถามว่าเรื่องที่ปรับนิสัยเยอะที่สุด คืออะไร แพทเล่าว่า “ถ้าเยอะที่สุด น่าจะเป็นเรื่องแอร์มั้งคะ เขาชอบอยู่ที่หนาว ๆ แต่หนูเป็นคนขี้หนาว เขานอนกรนดังมาก เขาชอบเปิดไฟ ต้องดูไอแพด ดูทีวีเวลาจะนอน แต่หนูชอบอะไรมืด ๆ เงียบ ๆ เราก็ปรับตรงนี้หมดเลย เราก็บอกว่ายูทำอะไรไปเลย เรานอนได้ เรื่องกรนชินแล้ว ทำอะไรไม่ได้ รู้สึกผิดเหมือนเม้าท์ (หัวเราะ) แอร์เย็นก็ทนไปใส่ถุงเท้า เขานอนหนาวมากค่ะ”

แอฟถามว่า พี่สะใภ้ ชมพู่ อารยา เสนอแนะอะไรบ้างมั้ย แพทบอกว่า “พี่ชมก็บอกว่า ถ้ามีอะไรถามพี่ชมได้ทุกเรื่อง หนูก็ยังเกร็ง ๆ ไม่กล้าถาม คือหนูก็ไม่รู้จะปรึกษาอะไรด้วย ด้วยความที่เพิ่งแต่งไป แต่เชื่อว่าในอนาคต ถ้ามีอะไรก็จะต้องปรึกษา”

แพทริเซีย

แอฟถามต่อว่า พร้อมมีลูกเมื่อไร ทำเอา แพทริเซีย หัวเราะก๊ากก่อนตอบว่า

“ก็พร้อมค่ะ คือเราก็คุยกันอยู่แล้วเรื่องนี้ ก่อนที่จะแต่ง ทั้ง 2 บ้านเชียร์กันอยู่แล้ว หวังว่าจะมีข่าวดี ไล่ตามพี่พุฒได้ แต่ว่าก็ดูเหนื่อยมากเลย ไม่รู้ว่าหนูควรมี หรือไม่ควรมี (หัวเราะ) แต่เป็นการเหนื่อย ที่มีความสุข”

พร้อมด้วยบอกว่าสามีไม่เคยห้าม เรื่องการทำงานเลย เขาอยากให้ทำโน่นทำนี่ เป็นคนต้องการให้ทำงานมาก ๆ ก็จะต้องขยันให้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

หนุ่มถามคำถามว่าจะมีเมื่อไร แพทตอบว่า “เดี๋ยวมีเมื่อไหร่จะบอกค่ะพี่หนุ่ม อยากมีค่ะ ถามว่าอยากมีผู้ชายหรือผู้หญิง ไม่ติดเลยค่ะ ได้หมด”

หนุ่มถามอีกรออะไรอยู่ แพทหัวเราะก่อนบอกว่า “แป๊บนึงค่ะ ก็เรียกว่าปล่อยตามธรรมชาติค่ะ”

ด้าน ดีเจพุฒ พุฒิชัย ดารานำชายที่ร่วมงานกับแพทริเซีย ในละคร “ที่สุดของหัวใจ” ก็แซวว่า “ไม่ใช่รายการออนไปแล้ว อาจจะมีข่าวดี” ทำเอา หนุ่ม กรรชัย รีบแซวว่า “หรือมีแล้วเนี่ย” แพทริเซียหัวเราะ ก่อนกล่าวว่า “เดี๋ยวค่อยว่ากันค่ะ ถ้าหากมีเมื่อไหร่ หนูแจ้งแน่นอนค่ะ ในช่วงเวลานี้ยังค่ะ”

ชายหนุ่มย้ำกับแพทว่ามีเลย ส่วนดีเจพุฒแกล้งแซว “มีแล้ว” งานนี้หนุ่ม ถึงกับร้องหา ก่อนที่ดีเจพุฒ จะกล่าวว่าล้อเล่น ๆ

แอฟถามว่า อยากมีแฝด เหมือนแม่ชมไหม แพทริเซีย นิ่งคิด

และพูดว่า “ขอธรรมชาติก่อนดีกว่าค่ะ ขอดูว่า ไหวคนนึงก่อนหรือไม่ เพราะว่าแค่คนเดียว ก็เหนื่อยแล้ว นี่คือจะต้องมาดูแล 2 คน พร้อมเพียงกัน คงจะหนักมากมาย”.

โน้ต วิเศษ แพทริเซีย

"แพทริเซีย" ลุยเปิดอู่ปั๊มลูกแล้ว ยิ้มปลาบปลื้ม "โน้ต วิเศษ" คลั่งรัก ยิ่งแต่งก็ยิ่งหวาน

เรียกว่ายิ่งแต่งก็ยิ่งคลั่งรักสุด ๆ สำหรับ โน้ต-วิเศษ รังษีสิงห์พิพัฒน์ สามีของนางเอกสาว แพทริเซีย กู๊ด ที่ล่าสุดถึงกับลบรูปภาพอินสตาแกรมทั้งหมด ให้เหลือแต่ภาพคู่เก็บไว้ เป็นโมเมนต์ดี ๆ ต่อหัวใจ

ล่าสุด แพทริเซีย ได้เดินทางมาร่วมงานเปิดตัว บริษัท มดแดง มีเดีย จำกัด ก็ได้ออกมาอัปเดตให้ฟังว่า เวลานี้เดินหน้าเปิดอู่ปั๊มลูกด้วยแนวทางธรรมชาติแล้ว ซึ่งหากมีข่าวดีที่มั่นใจเมื่อใด จะรีบออกมาบอกทันที พร้อมเผย สามีดูแลดีอย่างไรก็ยังคงดูแลดีอย่างนั้น เสมอต้นเสมอปลายไม่มีเปลี่ยน

ใน IG โน้ต ลบรูปหมดเลย ราวกับรีสตาร์ทใหม่ เหลือแค่รูปของเรา ?
“ใช่ค่ะ ก็ตกใจเหมือนกัน ที่เห็นครั้งแรก เขาไม่ได้มาปรึกษาเลยค่ะ คือเขาทำไปเรื่อย ๆ มาเห็นอีกทีคือ รูปหายไปค่อนข้างเยอะ เขาบอกเขาไม่ได้ลบถาวร มันคือแค่ซ่อนไว้ เขาบอกเหมือนเป็นอีกขั้นใหม่ของชีวิตแล้ว แต่งงานแล้ว ก็อยากจะขอมองแค่อนาคต เขาพูดแบบนี้นะ”

พอเขาพูดแบบนี้ เราดีใจไหม ?
“ก็รู้สึกดีค่ะ ที่เขาดูจริงจังกับอนาคต หรือชีวิตคู่ของเรา ก็ดีใจค่ะ เน้นทำงานดีกว่า ไม่ต้องเน้นโซเชียลอะไรเยอะแยะก็ได้”

แต่เขาก็เป็นดาว TikTok อยู่นะ ?
“จากที่เล่นขำ ๆ กลายเป็นคนชอบมาก เป็นอาชีพหลักไปแล้ว แล้วมาถ่ายหนูในตอนที่หนูหน้าโทรม ๆ ทุกครั้ง แต่ก็ดีใจค่ะ ที่คนได้มองเห็น ชีวิตพวกเราเป็นอย่างนี้ อีกอย่างเหมือนได้เข้าถึงแฟนคลับด้วยค่ะ สนุก”

ใน IG เหมือนเราใช้ชีวิตไฮโซหรูหรา แต่ทางด้าน TikTok เหมือนได้มองเห็นอีกมุม ที่ใช้ชีวิตติดดิน ปกติเลย ?
“เหมือน TiKTok จะธรรมชาติกว่า IG เนอะ IG ทุกอย่างมันจะต้องดูสวยงาม หรือเป๊ะตลอดเวลา จริง ๆ เราก็เบื่อนะ ไม่ต้องเล่นก็ได้ แต่ด้วยงานมันเลยจำเป็นต้องเล่นค่ะ ก็ถือว่าให้คนได้เห็นอีกมุมแล้วกันค่ะ ไม่ได้กะทำจริงจังนะ แต่เขาคงเห็นว่าทำแล้วฟีดแบคดีค่ะ ก็เลยทำเรื่อย ๆ”

มีอันไหนที่ขอไหม ว่าอันนี้หน้าไม่ไหวจริง ๆ ไม่ลงได้ไหม ?
“แรก ๆ มันจะมีแบบไม่ถ่ายได้ไหมวันนี้ เพราะอะไรต้องยกกล้องตลอดเวลา บางครั้งบางคราวเราก็อยากจะสนุกกับโมเมนต์นั้น ๆ ใช่ไหมคะ แต่ว่าหลัง ๆ มันห้ามมิได้แล้วไง หน้าสด คิ้วไม่มี หัวฟู เราก็ปล่อยแล้วค่ะ”

แต่เราก็มั่นใจในความสด แต่ยังสวยของเรา ?
“มิได้มั่นใจอะไรเลย แต่ว่ามันก็คือพาร์ทของชีวิตเรา”

แพทริเซีย

โน้ต ดูคลั่งรัก แพทริเซีย มากมาย ?

“ก็ดูแลดีเหมือนเดิมค่ะ ปัจจุบันนี้คืออยู่ด้วยกัน เจอะกันทุกวัน ก็แฮปปี้ค่ะ แต่ว่าขณะนี้เราก็ต่างคนต่างลุยงาน ให้กำลังใจกันและกัน”

ยิ่งแต่ง เขาก็ยิ่งดูคลั่งรักเรามาก ?
“ไม่หรอกค่ะ หนูว่าเขาแค่อยากชัดเจนว่าอยากโฟกัสอีกพาร์ทของชีวิตแล้ว ต่างคนก็โตแล้วเนอะ แต่งงานแล้ว ก็มาโฟกัสอนาคตกันดีกว่า ไม่ต้องคิดอะไรเยอะแยะ ไม่ต้องมองสิ่งที่ผ่านมา”

เขาเทคแคร์เรามากขึ้นกว่าเมื่อก่อนไหม ?
“เหมือนเดิมค่ะ คือเขาเป็นคนที่สม่ำเสมอมากมาย รักอย่างไรก็ยังรักแบบนั้น ก็ขอให้เป็นแบบนี้ไปนาน ๆ”

เราได้มีมุมแม่บ้าน ทำกับข้าวให้เขาทานบ้างหรือยัง ?
“ยังเลย พอเราทำงาน เขาก็แค่บอกว่า ยูขยันทำงานก็พอแล้ว อยากให้เรามีอะไรเป็นของตัวเอง สร้างเนื้อสร้างตัวให้เราภูมิใจ เขาขอแค่นี้จริงๆ เลย ส่วนอาหารยังไม่ได้ทำค่ะ อย่าให้ทำเองเลย แต่ถ้าให้ทำด้วยกัน ให้เป็นลูกมือก็ได้ เขาจะเป็นคนชอบทำมากกว่า ตัวหนูจะชอบทำขนมมากกว่าค่ะ ถ้าเป็นของคาวจะเฉยๆ”

หลังจากแต่งงาน เรารับงานตลอดเลย มิได้พัก ?
“รับ (หัวเราะ) คือถ้ามีติดต่อมา เราก็รับอยู่แล้ว คือที่ผ่านมาการแข่งขันมันก็มากขึ้นทุกวัน เราก็ต้องดึงตัวเองเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่ละครอย่างเดียว หนูรู้สึกว่าช่องทางที่คนเห็นเรามันหลากหลายขึ้น หนูก็อยากทำงานให้มันหลากหลายขึ้นเช่นกัน ก็รับหมดค่ะ ถ้ามันตรงกับสิ่งที่เราอยากทำ เราก็รับ”

รีบรับก่อนจะมีน้อง ?
“ใช่ ถูกต้องเลยค่ะ คือเราแพลนไว้หมดแล้ว ถ้าน้องมาหนูออกมาบอกให้ทุกคนทราบแน่นอนค่ะ หนูอยากให้มันชัวร์จริงๆ ก็วางไว้ว่าปีนี้ค่ะ เราปล่อยธรรมชาติเลย เอาเป็นว่าถ้ามีข่าวดีที่ชัวร์ๆ เดี๋ยวหนูจะมาบอกค่ะ ตอนนี้ก็แจ้งกองไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ กองก็รีบถ่ายค่ะ”

มีฝันอะไรที่เป็นมงคลว่าจะได้ลูกแล้วบ้างหรือยัง ?
“ไม่มีเลย ไม่มีฝันอะไรเลย ยังไม่ได้มีใครให้โดฟอะไรเลยค่ะ กินเยอะเหมือนเดิม ยังสนุกกับชีวิตมาก”

 

เรือนหอในเวลานี้ แพลนไว้อย่างไร ?

“เราอยู่ที่คอนโดค่ะ ก็อยู่ที่ที่พี่โน้ตอยู่อยู่แล้ว จริง ๆ ที่มันก็ค่อนข้างพอถ้าเรามีน้อง ก็สามารถเลี้ยงสัก 2 คนที่นั่นได้สบาย ๆ เลยค่ะ”

เราไปเบียดเบียนตู้เสื้อผ้าเขา มากแค่ไหนปัจจุบันนี้ ?
“เขามีตู้เล็ก ๆ 1 ตู้ให้เรา ที่เหลือของเขาหมดเลย คือหนูยังไม่ได้ย้ายทุกอย่างเข้าไปค่ะ อย่างที่บอกว่าบางทีเรายังทำงาน ก็จะไปที่บ้าน ก็ยังอยู่กับคุณแม่ ตู้เดียวพอค่ะ หนูของไม่เยอะ แต่เขาบอกอาจจะตามอายุ พอเราโตขึ้น อาจจะเริ่มช้อปปิ้งมากขึ้น ตอนนี้อาจจะยังไม่ได้สนใจตรงนั้น”

แฝดเลยไหม ?
“ธรรมชาติไม่น่าจะแฝดอะ ที่บ้านหนูไม่มีใครเป็นแฝดเลย เพราะฉะนั้นก็น่าจะคนเดียวค่ะ”

สามีบอกให้ใส่แหวน วันนี้ก็ไม่ใส่มาอีกแล้ว ?
“ลืม (หัวเราะ) คือรีบแต่งตัว แล้วเราเก็บในเซฟอะ จะลืมเอาออกมาตลอดเลย ไม่ได้ใส่ติดตัวค่ะ เราก็แอบกลัวนะ ไม่ได้เป็นอะไรที่ใส่เป็นประจำค่ะ คือคุยกันแล้วว่าขอไปซื้อแหวนวงเล็กๆ ที่จะใส่แบบสบาย ๆ ดีกว่าค่ะ”

เขาจะงอนไหม ?
“ไม่งอนหรอก เราก็ลืมจริง ๆ อะ (หัวเราะ) หนึ่งเลยคือเราไม่ชิน เพิ่งจะได้ใส่ไม่ถึงเดือนเอง มันก็จะยังไม่ติดตัวขนาดนั้นค่ะ และสองมันเป็นอะไรที่มีมูลค่า ถ้ามันหลวม อย่างเวลาหนูอยู่ที่เย็น ๆ นิ้วจะเล็กลง ก็จะมีความระแวงเยอะ ก็เลยขอเป็นวงสำรอง ง่าย ๆ เดี๋ยวเราไปดูเองง่าย ๆ เลย แต่บางทีเราทำงานก็ไม่สะดวกในการใส่อยู่แล้ว อย่างเช่นไปกองอะไรแบบนี้”

ฮันนีมูนหรือยัง ?
“คือมีทริปทุกเดือนเลยค่ะ ที่เราแพลนไว้ แต่ว่าเป็นทริปกับครอบครัว ยังไม่มีทริปของเราสองคนค่ะ”

เจมส์ เรืองศักดิ์ ครูก้อย

“เจมส์” พร้อมเปิดอู่ลูกคนที่สอง "ครูก้อย" เข็ดหลาบวิธีธรรมชาติ ขอพึ่งแพทย์อีกครั้ง

พึ่งจะทุ่มเงินสร้างบ้านกว่า 50 ล้าน สำหรับอดีตนักร้องดัง เจมส์-เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ กับ ครูก้อย นัชชา เมียที่รัก หลังจากใช้ชีวิตคู่ จนมีลูกสาว น้องเมดา วัย 3 ขวบ เข้ามาเติมเต็มครอบครัวให้อบอุ่นยิ่งขึ้น ปัจจุบันถึงเวลาที่ทั้งสองพร้อมเปิดอู่อีกรอบ จัดเตรียมผลิตผู้สืบสกุลคนที่สอง แถมได้ยินข่าวว่า จะย้ายตัวอ่อน กันต้นปีนี้แล้วด้วย

โดย เจมส์ เรืองศักดิ์ เปิดเผยว่า “เราเคยมีปัญหามีบุตรยากมาก่อน และผ่านกระบวนการรักษาผู้มีบุตรยากมาแล้วทุกกระบวนการ และด้วยครูก้อยเองเป็นครูวิทยาศาสตร์ และศึกษาความรู้ งานวิจัยเกี่ยวกับผู้มีบุตรยาก และโภชนาการเตรียมตั้งครรภ์ทั้งในและต่างประเทศ จนนำมาปรับใช้และดูแลตัวเอง และเผยแพร่ความรู้และประสบการณ์”

“จากที่เคยผิดหวังมาหลายครั้ง และกลับมาดูแลตัวเองเป็นอย่างดีตามหลักโภชนาการ เสริมภาวะเจริญพันธุ์ก็ประสบความสำเร็จในครั้งนั้น ได้ลูกสาวคนแรก น้องเมดา ตอนนี้อายุ 3 ขวบกว่าจะ 4 ขวบแล้ว คือเราตั้งใจจะเลี้ยงลูกคนแรกให้ได้รับความรักอย่างเต็มที่ก่อน ตอนนี้เมดาก็โตพอที่จะรู้เรื่อง และรับรู้ว่าพ่อกับแม่กำลังเตรียมมีน้องให้เมดาที่มาจากกระบวนการทำอิ๊กซี่เหมือนกับเมดา”

ครอบครัว เจมส์ เรืองศักดิ์

ด้าน ครูก้อย เล่าว่า

“ครูก้อยเลือกที่จะทำอิ๊กซี่ต่อ เนื่องจากว่าครูก้อยไม่ต้องการให้ธรรมชาติคัดสรร เพราะครูก้อยเคยท้องธรรมชาติแล้วแท้ง ตอนนั้นอายุยังน้อย 33-34 ปี คิดว่าหลังแต่งงานปล่อยก็ติด แต่ก็ติดจริงๆ แต่แท้งตอน 3 เดือน ครูก้อยเสียใจมากและไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก”

“ผ่านการลองผิดลองถูกมาหลายครั้ง จึงตัดสินใจทำอิ๊กซี่ ซึ่งก่อนเข้าสู่กระบวนการทำอิ๊กซี่ครูก้อยศึกษางานวิจัยเยอะมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งงานวิจัยเกี่ยวกับผู้มีบุตรยากและโภชนาการเสริมภาวะเจริญพันธุ์ และนำมาบำรุงดูแลตัวเองก่อนเข้าสู่กระบวนการแพทย์ และประสบความสำเร็จตั้งครรภ์น้องเมดา ในวัย 35 ปี”

“สำหรับลูกคนที่ 2 มาจากการทำอิ๊กซี่เช่นกัน ซึ่งมีตัวอ่อนที่คัดโครโมโซมผ่านฟรี๊ซไว้ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ตอนนั้นครูก้อยอายุ 37 ปี เชื่อไหมว่าการบำรุงของครูก้อยที่เป๊ะมากๆเป็นปีๆ ในวัย 37 ปี ครูก้อยได้ไข่ดีกว่า จำนวนมากกว่า มีคุณภาพมากกว่าวัย35ปี ครั้งนั้นครูก้อยได้ตัวอ่อน 4-6 ตัว ปรากฏว่าในวัย 37 ปี”

“ครูก้อยได้ตัวอ่อนระยะบลาสโตซิสต์ 10 ตัว จากไข่ 13 ฟอง ปฏิสนธิเป็นตัวอ่อน 12 ตัว และเลี้ยงไปจนถึงระยะบลาสต์โตซิสต์ 10 ตัว ซึ่งเป็นอะไรที่เกินสถิติมากๆ และทุกวันนี้ยังมีลูกสแปร์ไว้คัดโครโมโซมผ่านแล้ว เพศหญิง 1 เพศชาย 1 พร้อมที่จะฝังตัวอ่อน เหมือนเป็นเคสสตัดดี้ให้แม่ๆ เห็นว่า ถ้าคุณเตรียมตัวดี โอกาสความสำเร็จก็มีสูง”

“ตอนนี้ครูก้อยอยู่ในช่วงเตรียมผนังมดลูก คาดว่าจะย้ายตัวอ่อนช่วงเดือน มี.ค. และ เม.ย. เพราะอยากให้ลูกคลอดตอนมกราคม ปี2567 ซึ่งเป็นเดือนเกิดเดือนเดียวกันกับครูก้อย ส่วนน้องเมดาลูกคนแรกเกิดเดือนเดียวกันกับพี่เจมส์เดือนมีนาคม”

“ตอนนี้ก็อยู่ในขั้นตอนบำรุงผนังมดลูก ตามหลักการแพทย์คือหนา 8 – 10 มิลลิเมตร ผนังมดลูกใสเป็นวุ้น เลือดไหลเวียนดี ไม่มีสารพิษตกค้าง เพื่อที่ตัวอ่อนจะได้ฝังตัวได้ดีและติดในครั้งแรก ซึ่งโอกาสจะติดไม่ติดขึ้นอยู่กับคุณภาพของตัวอ่อนว่าตัวอ่อนแข็งแรงไหม คัดโครโมโซมผ่านไหม ซึ่งลูกๆ ของครูก้อยผ่านกระบวนนั้นมาหมดแล้ว คัดโครโมโซมผ่านแล้ว เนื่องจากมีการบำรุงเตรียมตัวก่อนกระตุ้นไข่มาเป็นอย่างดี”

“สำหรับผู้ที่รู้ตัวอยู่แล้วว่ามีบุตรยาก ต้องพบแพทย์เพื่อตรวจวิเคราะห์หาสาเหตุว่าผู้หญิงมีปัญหาอะไร ผู้ชายมีปัญหาอะไร เพื่อรักษาภาวะผู้มีบุตรยากและเลือกเทคโนโลยีการรักษาได้ตรงจุด แต่อย่างไรก็ตามการเตรียมตัวก่อนเข้าสู่กระบวนการทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นก่อนกระตุ้นไข่เพื่อทำ IUI หรือ ICSI ผู้หญิงเราก็ต้องดูแลตัวเอง ทานอาหารที่ช่วยบำรุงไข่ ส่วนผู้ช่วยก็ต้องมีการบำรุงเสปิร์ม เพราะสุดท้ายการจะประสบความสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ขึ้นอยู่กับระบบภายในของเรา ขึ้นอยู่กับคุณภาพไข่ และคุณภาพสเปิร์ม ครูก้อยอยากจะฝากผู้มีบุตรยากว่าการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเข้าสู่กระบวนการทางการแพทย์ ช่วยเพิ่มโอกาสความสำเร็จมาก”

ทั้งนี้ โดยสามารถขอสูตรอาหารบำรุงจัดเตรียมตั้งท้อง กับครูก้อย ได้ที่ไลน์แอด @BabyAndMom.co.th หรือติดตามความรู้การเตรียมตั้งครรภ์ ผ่านทางเว็บไซต์ และ เฟซบุ๊กเพจ ภายใต้ชื่อเดียวกัน BabyAndMom.co.th

ครูก้อย เจมส์ เรืองศักดิ์

ด้าน “เจมส์ เรืองศักดิ์” สามีแห่งชาติว่าที่พ่อลูกสอง ระยะนี้นอกจากดูแลลูก แล้วก็ ภรรยาแล้ว ยังนั่งแทนตำแหน่ง CEO บริษัท เบบี้แอนด์มัม (ประเทศไทย) จำกัด

อยู่เบื้องหลังเพจ Babyandmom.co.th ในการคัดสรรอาหารบำรุง อาหารเสริม แล้วก็ วิตามินบำรุงเตรียมตั้งท้อง ตามการวิจัย และ โภชนาการเสริมภาวะเจริญพันธุ์ สำหรับผู้มีบุตรยาก ทั้งฝ่ายหญิง รวมทั้ง ฝ่ายชาย เพื่อตอบโจทย์ ผู้มีบุตรยากจน กลายเป็นธุรกิจใหญ่โต

โดยล่าสุดมีแผนในการเปิดตัวสินค้าอาหารเสริมใหม่ ช่วยในเรื่องการนอนหลับลึก ด้วยสารสกัดจากทางธรรมชาติ เพื่อตอบโจทย์ผู้มีบุตรยาก ที่มีปัญหาด้านการนอนไม่หลับ หรือ หลับไม่สนิท เนื่องจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลต่อภาวะมีบุตรยาก ร่างกายเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ทำให้เกิดความเครียด แล้วก็ ฮอร์โมน รวมทั้งระบบสืบพันธุ์

โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ทางเฟซบุ๊กเพจ https://www.facebook.com/BabyAndMom.co.th/ ในวันที่ 19 เดือนมกราคม 2566 นี้ เวลา 20.00 น. เป็นต้นไป

แอน จักรพงษ์ แอนนา

“แอนนา” พลาดมงมิสยูนิเวิร์ส เปิดเผยเต็มที่แล้ว ลูกครึ่ง “มะกัน-ปินส์” พิชิตนางงามฯ

สาวเท็กซัสลูกครึ่ง “อเมริกัน-ฟิลิปปินส์” วัย 28 ปี คว้ามงกุฎมิสยูนิเวิร์ส ครั้งที่ 71 เป็นนางงามสหรัฐอเมริกาคนที่ 9 คว้ามงกุฎอันทรงเกียรติ ตามด้วยอายุเยอะสุด บนเวทีครั้งนี้ โดยเจ้าตัวที่เป็นทั้งนางแบบ ดีไซเนอร์ รวมทั้ง ครูสอนเย็บผ้า เผยกลางเวที ต้องการที่จะให้มีการเปลี่ยน เกณฑ์อายุการแข่งขัน ชี้อายุไม่ควรเป็นตัวแปรที่มากำหนดตัวตน ในตอนที่ “แอนนา เสืองามเอี่ยม” ตัวแทนสาวไทยหลุดตั้งแต่รอบ 16 คนสุดท้าย ยันทำเต็มที่แล้ว ขอขอบคุณทุกพลังใจ

แอนนาเสือ

การแข่งขันนางงามจักรวาล “มิสยูนิเวิร์ส” ครั้งที่ 71 ที่รัฐนิวออร์ลีน สหรัฐอเมริกา

ได้ผลสรุปอย่างเป็นทางการ เมื่อตอนเช้าวันที่ 15 มกราคม ตามเวลาในไทย โดยผู้ครองมงกุฎในปีนี้คือ อาร์บอนนีย์ เกเบรียล นางงามสหรัฐฯ วัย 28 ปี

และก็ตามด้วยรองอันดับ 1 อามานดา ดูดาเมล นางงามเวเนซุเอลา วัย 23 ปี

และก็รองอันดับ 2 อันเดรียนา มาร์ติเนซ นางงามสาธารณรัฐโดมินิกัน วัย 25 ปี

โดยที่นางงามตัวแทนจากประเทศไทย นางสาวแอนนา เสืองามเอี่ยม ไม่เข้ารอบ 16 คนสุดท้าย แต่ว่าได้รับรางวัลพิเศษ จากมือ แอน-จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ เจ้าขององค์กรการประกวดมิสยูนิเวิร์ส (MUO) คนใหม่

ทั้งนี้ อาร์บอนนีย์นับว่าเป็นนางงามสหรัฐอเมริกาคนที่ 9 ที่คว้าตำแหน่งนางงามจักรวาล นับจากมีการจัดตั้งเวทีการแข่งขัน รวมทั้งเป็นนางงามสหรัฐอเมริกาที่ครองมงกุฎในรอบ 10 ปี คนก่อนคือโอลิเวีย คูลโป มิสยูนิเวิร์สปี 2555 ส่วนอาร์บอนนีย์ยังรับตำแหน่งต่อจากฮาร์นาซ สันธุ นางงามอินเดีย และก็มิสยูนิเวิร์สปี 2564

ในช่วงการประกวด 3 คนสุดท้าย คณะกรรมการประกวดถามว่า หากครองตำแหน่ง คุณจะทำเช่นไร เพื่อทำให้เห็นว่ามิสยูนิเวิร์สเป็นองค์กรที่ช่วยส่งเสริมพลัง แล้วก็มีหัวก้าวหน้า อาร์บอนนีย์ตอบว่า

จะใช้แพลตฟอร์มนี้เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง ใช้แรงผลักดันของตัวเองในการสร้างพลังบวกแก่อุตสาหกรรมแฟชั่น ด้วยการลดมลภาวะและรีไซเคิลเศษผ้า และปกติตัวเองเป็นครูสอนเย็บปักถักร้อยแก่ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์และการใช้ความรุนแรงในครอบครัว ความสำคัญในการเรื่องนี้คือการใส่ใจผู้อื่น ใส่ใจในชุมชน ใช้ความสามารถพิเศษสร้างความเปลี่ยนแปลง เราทุกคนมีความพิเศษ เราสามารถกระตุ้นในความพิเศษเหล่านั้นให้แตกหน่อออกมาในหมู่คนรอบตัว เพื่อให้กลายเป็นพลังในการผลักดัน สร้างความเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน

ยิ่งกว่านั้น อาร์บอนนีย์ยังตอบคำถามในรอบ 5 คนสุดท้ายด้วยว่า สิ่งที่ต้องการให้เวทีมิสยูนิเวิร์สเปลี่ยนเพิ่มเติมอีกคือเรื่องเกณฑ์อายุการประกวด ตนเองอายุ 28 ปี แตะเพดานเกณฑ์ และอายุมากที่สุดในเวทีการแข่งขันคราวนี้ อายุไม่ควรเป็นตัวแปรที่มากำหนดตัวตนของพวกเรา

อาร์บอนนีย์ เกเบรียล มิสยูนิเวิร์สคนใหม่ เกิดที่เมืองฮิวส์ตัน รัฐเท็กซัส มีบิดาเป็นชาวประเทศฟิลิปปินส์ ที่มาศึกษาต่อ ในระดับปริญญาเอก ก่อนตั้งรกรากในสหรัฐฯ ระหว่างที่คุณแม่เป็นชาวอเมริกัน อาร์บอนนีย์ มีพี่ชาย 3 คน ขณะที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาแฟชั่นดีไซน์ จากมหาวิทยาลัยนอร์ทเท็กซัส ปัจจุบันมีอาชีพเป็นนางแบบ ดีไซเนอร์ ที่มีแบรนด์เสื้อผ้าของตน แล้วก็ครูสอนเย็บผ้าให้กับแม็กไพส์ แอนด์ พีค็อกส์ (Magpies and Peacocks) องค์กรไม่หวังผลกำไร ที่นำเสื้อผ้าเก่ากลับมาใช้ใหม่

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นสหรัฐอเมริกา รายงานด้วยว่า การแข่งขันมิสยูนิเวิร์สคราวนี้ ถูกเลื่อนจากปีที่แล้วมาเป็นปีนี้ หลังจากมีการปรับโครงสร้างองค์กรมาอยู่ใต้ความดูแลของกลุ่มเจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด บริษัทผลิตสื่อของ แอน-จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ นักธุรกิจ และก็นักรณรงค์สิทธิบุคคลข้ามเพศชาวไทย ขณะที่มงกุฎมิสยูนิเวิร์สปีนี้ เป็นมงกุฎใหม่ชื่อว่า พลังแห่งความดี ประดับด้วยอัญมณี 993 เม็ด เสริมยอดด้วยไพลินขนาด 45.14 กะรัต

แอนนาเสือ พลาดรอบ16คน

ด้าน นางสาว แอนนา เสืองามเอี่ยม MISS UNIVERSE Thailand ผู้แทนสาวไทย ที่แม้จะไม่ผ่านเข้ารอบ 16 คน

แต่ว่าได้รับรางวัล Leadership Awards Impact Wave รางวัลสร้างแรงบันดาลใจผ่านโครงการที่เริ่ม จนสร้างแรงกระเพื่อมให้กับสังคม สมกับความพยายาม รวมทั้ง ความตั้งอกตั้งใจ ในทางการแข่งขันบนเวทีจักรวาลแห่งนี้ ได้รับเงินรางวัล 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดีใจได้รับรางวัลนี้ มาที่ตรงนี้นับว่าเป็นประสบการณ์ ที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต

เว้นแต่ได้ประสบการณ์ ได้เพื่อนใหม่ ได้ช่วยเหลือสังคม ช่วยเหลือเด็ก ๆ ถือได้ว่าประสบการณ์ที่คุ้มค่า ส่วนเงินรางวัล 10,000 ดอลลาร์ จะเอาไปช่วยหลายโครงการ หลัก ๆ คือโครงการการศึกษา ต่อจากนี้อยากจะเรียนต่อ

แอนนายังกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า อยากขอบคุณแฟนๆที่สนับสนุน แอนนาอยากจะบอกเหมือนตั้งวันแรกว่า แอนนาทำเต็มที่ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร อย่างน้อยทุกคนได้สนุกกับทุกวันที่เก็บตัว ขอขอบคุณทุกคน

แฟนหนุ่ม ซาร่า

ซาร่า คาซิงกินี เปิดเผยเส้นทางรัก แดเรอร์ เป็นคนดี ไม่เจ้าชู้ จดทะเบียนแล้ว

ภายหลังที่คุณแม่ลูก 2 ซาร่า คาซิงกินี ได้ขึ้นสถานะ แต่งงานแล้ว กับแฟนหนุ่ม ชาวประเทศสิงคโปร์ แดเรอร์ แต่สถานะดังกล่าวหายไป ทำเอาผู้คนจำนวนมาก สงสัยในความสัมพันธ์

ล่าสุด ซาร่าได้มาเปิดใจในรายการ คุยแซ่บโชว์ ถึงเส้นทางรัก กับแฟนชายหนุ่ม คนมีชื่อเสียง กล่าวให้ทุกคน ได้รับรู้ และ หายสงสัยว่า

สถานะเดี๋ยวนี้ “เรียกว่า กำลังแพลนที่จะแต่งงานละกัน (ยิ้ม) ก็มีการสู่ขอแล้วค่ะ จริง ๆ แพลนทุกอย่างไว้แล้ว น่าจะเร็ว ๆ นี้ ที่ลงสถานะ จะเรียกว่าโป๊ะก็ได้ ตั้งใจจะให้มีแค่เพื่อน ที่เห็น เพราะตอนนั้นตั้งตอนง่วง ๆ แต่เป็นพับลิก แต่สเตตัสไม่ได้หาย ตั้งแค่ให้เพื่อนเห็น

มีคนมาแสดงความยินดีเยอะ แต่คอมเมนต์ดราม่า ก็มีนิดนึง บอกให้แม่พักบ้าง แม่คุมนะ จะมีคนที่ 3 หรือเปล่า ไม่มีดราม่าแรง ๆ อะไร ส่วนว่าที่สามี เขาเป็นคนชิล ๆ เขาอ่านภาษาไทยไม่ออก ซาร่าไม่ลบคอมเมนต์ ค่อยฟ้องเอา (หัวเราะ) ล้อเล่น ๆ”

ซาร่า

ถามว่า ซาร่า กลัวความรักมั้ย

“เรามองความรัก เป็นเรื่องที่สวยงาม ถึงความรักจะจบไม่ดี แต่เราก็ได้เรียนรู้ตัวเอง และ พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ได้ทบทวนตัวเอง ทุก ๆ ความรัก มันสอนให้เราพัฒนาตัวเอง ให้ดีขึ้นเสมอ ทำให้เราอยากเป็นแฟน เป็นภรรยา ในเวอร์ชันที่ดีขึ้น”

“ซาร่าผ่านอะไรมาเยอะ พอมาเจอคนนี้คนล่าสุด เหมือนทำให้เรา ได้เห็นว่าเขาคือคนที่เห็นคุณค่า ของเราจริง ๆ จากการกระทำ และคำพูด มีคนเห็นคุณค่าของเรา แดเรอร์ เป็นหนุ่มสิงคโปร์ (หัวเราะเขิน) เขาเป็นเพื่อน ของเพื่อน เจอกันในงานวันเกิดเพื่อน ที่เมืองไทย ก็ปิ๊ง ๆ กันตั้งแต่เจอกันครั้งแรก ซาร่าชอบคนที่หน้าตาดี แต่พอรู้จักเขาดูสุภาพ ไม่ดูเจ้าชู้ ก็เลยทำให้ยิ่งสนใจเขามากขึ้น เขาก็มีแอบมองเราบ้าง แต่ไม่ได้มาคุยอะไร

ก็มีการถ่ายรูป แท็กกันในกลุ่ม แล้วหลังจากนั้น เขาก็ทักมาคุยกับเรา (ยิ้ม) ซาร่าชอบก่อน แต่ก็ไม่ได้ทักเขาไป เพราะเราเป็นผู้หญิง (ยิ้ม) ที่ดูสดใส เพราะตอนนี้กำลังมีความรัก ตอนที่เขาทักมาก็กรี๊ด คิดว่าเขาคงชอบเรา หลังจากนั้น ก็มีนัดไปทานข้าวกัน คุยกัน เขาเป็นคนชวน ซาร่าชอบเขานะ แต่เก็บอาการ นิ่ง แต่เขาเป็นคนตรง ๆ ก็แสดงความรู้สึกออกมาตรง ๆ ค่ะ”

เรามีน้องแล้ว 2 คน เขารู้เรื่องราว ของเราไหม?
“ตอนแรกเขาไม่รู้ ว่าเรามีลูก แต่หลังจากเดตกันครั้งแรก เขาก็ไปหาข้อมูลเรา แต่เป็นภาษาไทย ซึ่งเขาอ่านไม่ออก แต่เขาก็ถามเพื่อน และ เริ่มรู้เรื่องราวของเรา คือเขาเป็นผู้ชายคนแรก ที่คุยกับเรา แล้วซีเรียสมาก ๆ บอกว่าเป็นคนแบบนี้ มีนิสัยแบบนี้ อดีตเขาอย่างนี้

เขารู้ว่าเรามีลูก 2 คน เขาอยากได้ความสัมพันธ์ ที่มันซีเรียส ถ้าคุยกันเล่น ๆ เขาไม่คุย ไม่อยากเสียเวลา เขาถามว่าโอเคมั้ย ถ้าจะคุยกัน เพราะเขามองไปถึงอนาคต อันยาวไกล เขาก็บอกว่าลูกเราน่ารัก กลัวว่าลูกเราจะชอบเขามั้ย เขาดูกังวลมาก แต่พออยู่ด้วยกัน เขาก็เป็นธรรมชาติกับลูกเรามาก ๆ ”

“ไม่เคยสั่งลูกให้เข้ากับเขา มันเป็นธรรมชาติมาก ๆ วันแรกที่แม็กซ์เวลล์เจอเขา ก็ถามตลอดว่าเมื่อไหร่ จะได้เจอลุงอีก เอมิลี่ก็ติดเขามาก ติดงอมแงม อยากให้อุ้มตลอดเวลา พอเราเห็นเขาเข้ากับลูก ๆ ได้ มันเป็นโมเมนต์ ที่เราโหยหา นั่งสอนการบ้าน จูงมือกัน พาไปดูหนัง พาลูกเล่นเกม

ระหว่างรอเราทำหน้า เขาก็ไปเดินช็อปปิ้ง ซื้อเสื้อผ้าให้เอมิลี่ เป็นโมเมนต์ที่เราไม่เคยได้รับ จากใครเลย เลยประทับใจในตัวเขา คุยกัน 2-3 เดือนก็ตัดสินใจคบกัน เขาเป็นคนขอคบค่ะ (ยิ้ม) เขาพูดภาษาไทยได้ แต่อ่านไม่ได้ เขาอยู่ไป ๆ มา ๆ เมืองไทยเป็น 10 ปี แฟนเก่าเขา ก็คนไทยทั้งนั้นเลย ”

ลูกเรา เป็นส่วนหนึ่งส่วนใดที่ทำให้เรา ตกลงใจมั่นคง แล้วก็เดินหน้าต่อ กับผู้ชายคนนี้ ด้วยใช่ไหม?

“มันมีโมเมนต์ที่ แม็กซ์เวลล์ ถามเขาว่า ลุงรักแม่จริงมั้ย ถ้ารักแม่จริง ต้องขอแม่แต่งงาน ต้องซื้อแหวนให้แม่นะ เราก็คิดว่า ถ้าผู้ชายไม่คิด คงหนีแนนอน แต่หลังจากนั้น เขาก็บอกว่าเขาจะทำแบบนั้น และเขาก็ทำมันจริง ๆ หลังจากนั้น 4-5 เดือน แต่หนูไม่เคยสอน ให้เขาพูดแบบนี้นะคะ เขาเข้ากับครอบครัวเราได้ดีมาก ๆ และเพิ่งไปเจอครอบครัวเขา ที่สิงคโปร์ เป็นครอบครัวคนจีน ใหญ่มาก เกือบ 20 คน เหมือนครอบครัวเขามาดูตัว มีพิธีเล็ก ๆ น้อย ๆ จากฝั่งบ้านเขา มียกน้ำชาตามพิธีคนจีน เป็นพิธีเล็ก ๆ ไม่รู้ว่าแต่งหรือเปล่า มีให้ของรับขวัญนิด ๆ หน่อย ๆ เรียกว่าหมั้นก็ได้ค่ะ แต่ยังไม่ได้ฉลอง แต่จดทะเบียนสมรสแล้ว (หัวเราะ) จะมีพิธีเร็ว ๆ นี้แหละค่ะ ”

“ ตอนที่เขาขอแต่งงาน ก็เป็นแบบเรียบง่าย ที่ทะเลมาเลย์ ไปถ่ายรูปกันไปทั้งครอบครัว สักพักเขาก็คุกเข่า เอาแหวนให้ แต่จำไม่ได้ว่า เขาพูดว่าอะไร (หัวเราะ) เขาก็ขอแต่งงาน ขอบคุณที่ร่วมทุกข์ร่วมสุข และเขาก็บอกว่า จะเป็นคนดี จะพยายามนู้นนี่นั่น และหนูก็เซย์เยส คนในครอบครัวเขาก็ตบมือกัน ”

เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา

"เอสเธอร์" เปิดใจครั้งแรก รักยังดีหรือเปล่า? ไร้ภาพหวาน "เคน ภูภูมิ" บนโซเชียลฯ

เป็นอีกหนึ่งคู่รัก คนบันเทิง ที่ถูกจับตามอง เรื่องสถานะความสัมพันธ์ ตลอดมา สำหรับ เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา แล้วก็ เคน ภูภูมิ พงศ์ภาณุภาค โดยยิ่งไปกว่านั้นในระยะหลังมานี้ ที่พระเอกหนุ่ม ตัดสินใจบินลัดฟ้า เพื่อไปศึกษาต่อ ในต่างประเทศแบบฉายเดี่ยว

แถมตอนวันสิ้นปี ก็ยังไม่มี โมเมนต์หวาน ๆ ออกมาให้เห็น กระทั่งคนจำนวนไม่น้อย อดสงสัยไม่ได้ สเตตัส ความรัก ของทั้งสอง จะมาถึง ทางตันแล้ว หรือเปล่า?

เคนภูภูมิ เอสเธอร์

ล่าสุด ผู้รายงานข่าว ได้มีโอกาส เจอกับ เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา

ในงานบวงสรวงละคร CLUB FRIDAY THE SERIES 14 LOVE&BELIEF จึงได้เข้าไป จ่อไมค์ ถามหาประเด็นร้อน ดังกล่าว ให้หายสงสัย ซึ่งเจ้าตัว ก็ได้เปิดใจ ว่า…

“ปกติเลยค่ะ เหมือนเดิมปกติ อาจจะเพราะ พี่เคนไปเรียนต่างประเทศด้วย มั้งคะ ประมาณ 1 เดือนครึ่ง คือเขาตั้งใจไปเรียน เรื่องภาษา และ ก็หาความรู้ เพิ่มเติม ส่วนตัวหนูเอง ด้วยความที่งานละคร เริ่มเปิดกล้องแล้ว ก็เลยไม่ได้บินไปหา ไม่ได้ไปเคาท์ดาวน์ด้วยกัน ปีนี้มันเลยค่อนข้าง ที่จะแบบ ต่างคนต่างอยู่”

พอโมเมนต์ คู่กัน หายไป คนก็เลยมองว่าแปลก ๆ ?
“ไม่แปลกนะคะ เอ่อ… อาจจะด้วยความที่ ความสัมพันธ์ของเรา มันค่อนข้าง จะคบกันมานานมาก ๆ แล้ว และ อายุต่างคน ต่างก็เริ่มเยอะ มันเลยทำให้ เรามีกิจกรรม ที่แบบว่า ของใครของมัน มีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบเยอะขึ้น มากกว่า เพราะตรงนี้ ก็เลยทำให้ เราไม่มีภาพคู่ ไม่ได้ทำกิจกรรมร่วมกันค่ะ”

แต่ว่าการไม่ได้เจอกัน ของเราสองคน ก็ไม่ได้เป็นปัญหา ใช่ไหม ?
“ไม่ได้เป็นปัญหาค่ะ (ยิ้ม)”

ปกติแล้ว เวลามีข่าวลักษณะนี้ออกมา เคยคุยกันบ้าง หรือเปล่า ?
“ไม่ได้คุยเลยค่ะ ส่วนใหญ่จะมีค่อยได้คุยเรื่องข่าว ที่เกิดขึ้นเลย อย่างข่าวก็เพิ่งทราบเหมือนกัน ว่ามีประเด็นนี้เกิดขึ้น”

สถานะ ความสัมพันธ์ ยังดังเดิมใช่ไหม ?
“เรื่อยๆ เหมือนเดิมค่ะ ไม่ได้เปลี่ยนไป”

ตอนที่เขาอยู่เมืองนอก เราสองคน คุยกันบ่อยไหม ?
“ถ้ารอบนี้ แทบจะไม่ค่อยได้คุยกันเลยค่ะ คุยแค่แบบว่า ตื่นก็ทัก จะนอนก็ค่อยทัก ทุกอย่างเป็นปกติเลยค่ะ”

พวกเราสองคน คบกันมานานมากแค่ไหนแล้ว ?

“7 ปีแล้วค่ะ”

ไม่รู้สึกว่า เฉยชาเหรอ ?
“เฉยชา…คือยังไง (หัวเราะ) อาจจะด้วยความที่ เราชิลทั้งคู่มั้งคะ เราเลยรู้สึกเอนจอย กับการใช้ชีวิตของตัวเอง เราควรจะมีเวลา ให้กับตัวเองบ้าง ซึ่งหนูก็รู้สึกว่า เขาแฮปปี้นะ เหมือนต่างคน ต่างมีเวลา ของตัวเองมากขึ้น อีกอย่างหนูรู้ก็สึกด้วยว่า การที่เราต้องห่างกัน มันไม่ได้เป็นปัญหา สำหรับเราสองคนเลย มันโอเคอ่ะ”

ไม่ห่วงเหรอ เขาไปใช้ชีวิต ในต่างประเทศคนเดียว ?
“ไม่เป็นไรค่ะ เขาก็ใช้ชีวิตของเขาบ้าง เราก็ใช้ชีวิตของเราบ้าง (ยิ้ม)”

ส่วนตัวสำหรับเรากังวลไหม ว่าการที่ต่างคน ต่างใช้ชีวิตอย่างนี้ ท้ายที่สุดแล้ว จะก่อให้ความสัมพันธ์ จืดจาง ?
“มันน่าจะเลยจุดนั้นมาแล้วนะคะ จุดความกลัว เหมือนอาจจะเพราะ ด้วยความที่ตอนนั้น เรายังเด็ก เราก็เลยโฟกัสไปที่ ความสัมพันธ์ของเรา ว่าเราอยากจะทำให้มันไปตลอดรอดฝั่ง แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง ที่เราเริ่มโต เราเลยมองว่า อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด แค่เราทำ ณ ปัจจุบันนี้ ให้ดีที่สุดก็พอ สุดท้าย ถ้าความสัมพันธ์มันไม่เวิร์ค หรือ ไม่รอด เราก็ต้องยอมรับ และ ปล่อยวาง เหมือนเราเข้าใจมากขึ้นค่ะ คือมันจะยังไงก็ได้ ขอแค่เราทำวันนี้ ให้ดีที่สุดก็พอ”

หากเขากลับมา จะมีโมเมนต์หวาน ๆ ไหม ?
“ไม่รู้เลยอ่ะ ไม่รู้เลยจริงๆ อ่ะ”

เขาใกล้จะกลับมา แล้วหรือยัง ?
“ใกล้แล้วค่ะ น่าจะราวๆ กลางเดือนมกราคมนี้”